สวัสดีปีใหม่ครับ เรามาเริ่มต้นปีกันด้วยการรีวิว การทำหมูกรอบกันอีกครั้ง ด้วยอุปกรณ์ที่ได้มาใหม่ และผมทำรีวิวไปก่อนหน้านี้แล้ว ตามไปชมกันได้ที่นี่ครับ “เตาฝาอบลมร้อน MyHome – HT-A12”
สาเหตุที่ผมต้องมาทำรีวิวเตาตัวนี้นี้อีกเป็นครั้งที่สองเพราะว่า คราวที่แล้ว Failed ครับ คือ พยายามจะทำหมูกรอบๆ เหมือนข้าวหมูกรอบ หรือคะน้าหมูกรอบ แต่เกิดเหตุผิดพลาด มันเลยกลายเป็น หมูย่างเมืองตรังไปซะนั่น
หลังจากวิเคราะห์ สาเหตุแล้วเข้าใจว่าน่าจะเป็นเรื่อง หมูสามชั้นที่เลือกมานั้น ตัดเป็นเส้นยาวๆเวลาย่างด้านหนังมันจะตั้งไม่ตรง, อีกทั้งหนังหมูเราจะต้องใช้ส้อมเจาะรูเอาไว้ด้วย เพื่อเปิดโอกาสให้หนังหมูมันพองได้ง่ายขึ้น หลังจากนั้นไม่กี่วันเรามีการจัด ปาร์ตี้สิ้นปีที่บ้านครับ ผมจึงอาสาจัดทำหมูกรอบจิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ต หนึ่งเมนูครับ เพราะตั้งใจจะล้างตาสักยกหนึ่ง
มาเป็นกำลังใจให้ผมแล้วลุ้นไปพร้อมๆกันนะครับ
ผมจัดการซื้อ หมูสามชั้นแบบไม่ตัดเป็นเส้น แต่ให้เค้าตัดมาเป็นแผ่นกว้างๆครับ น้ำหนักที่ได้มา ประมาณ 1.4 กิโลกรัมครับ
เริ่มด้วยการ ต้มหมูกับน้ำเกลือในกระทะเนื่องจากหมูชิ้นใหญ่ นานประมาณ 40-50 นาที กว่าจะสุกตามภาพ
ทาหมูด้วยเกลือให้ทั่วไม่ต้องมาก แต่ให้ทั่วถึง เพราะจะได้เพิ่มความเค็ม
เอาส้อม จิ้ม จิ้ม จิ้ม และ จิ้ม พรุนไปเลย พักไว้ประมาณ 10 นาที ล้างเกลือที่ติดอยู่ออกไปไม่ต้องสะอาดมากเหลือเกลือนิดหน่อย
บั้งหนังหมูให้กว้างประมาณ 1 นิ้ว จนทั่ว จากนั้น ทาด้วยน้ำส้มสายชูเฉพาะตรงหนังหมูเล็กน้อย เค้าว่ากันว่าช่วยให้กรอบ
วางในเตา ดูสิ แผ่นเกือบจะเต็มอ่างเตาเลย
ตั้งไฟตามสูตรที่เคยใช้ด้านเนื้อนี้ ประมาณ 35 นาที ที่ 200 องศา
15 นาทีผ่านไป เนื้อเริ่มแห้ง ไฟความร้อนตัดเป็นระยะๆ ซึ่งแสดงว่า เตาร้อนได้ที่จึงตัด
35 นาที ด้านเนื้อเกรียมได้ที่กำลังดีครับ เดี๋ยวพลิกอีกด้านอบต่อมันจะเกรียมมากขึ้นอีก
กลับข้างทันทีด้านหนังก็มีพองๆเป็นบางส่วนตามขอบ ตั้งไฟ 15 นาที ที่ 250 องศาเต็มแม๊กซ์
ผ่านไป 8 นาที หนังบางส่วนเริ่มพองๆ สังเกตุ ขดลวดสร้างความร้อนแดงฉานเลยทีเดียว
ผ่านไป 15 นาที หนังยังไม่น่าพอใจ จึงกดต่อทันทีอีก 5 นาที พอครบแล้วผมตัดสินใจไม่กล้าทำต่อกลัวเสียของ คือว่ากลัวหนังบางส่วนจะไหม้
จึงต้องหยุด แล้วปล่อยอบทิ้งไว้ไม่เปิดไฟ อีก 5 นาที เผื่อจะมีอะไรดีขึ้น ก็เห็นหนังบางส่วนยังคงปุดๆอยู่นิดหน่อย ก็รอจนหยุด
ผลที่ออกมาได้เป็นดังภาพบน จะเห็นได้ว่า หนังพองทั่วบริเวณมากกว่าครั้งที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่จะเรียกได้เต็มปากว่า หมูกรอบ
ผมจึงต้องเรียกว่า หมูย่างหนังกรอบเมืองกรุง ก็แล้วกัน
รีบเอามาชั่งทันทีครับ หักลบกลบน้ำหนักจานไปสุดท้ายคำนวนได้ 860 กรัมครับ (จาก ซื้อมาสดๆ 1.4 กิโลกรัม)
หายไปมากเลยทีเดียว ถ้าผมกล้าทำต่อไปอีก สัก 10 นาที ผมว่าอาจจะเหลือ สัก 7 ขีดได้
สับครับ ผมว่าหน้าตามันพอได้นะ แม้จะไม่ใช่หมูกรอบ
เนื้อหมูหอมมากๆเช่นเคยครับ เนื้อด้านในค่อนข้างนิ่ม ข้างนอกจะกรอบๆ หนังกรอบๆ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ตเผ็ดเปรี้ยว ก็อร่อยมากเชียวครับ
จานนี้แม้ผมจะเฟลอีกครั้ง แต่ก็ไม่เสียแรงครับ แขกร่วมงาน ได้จัดการทานกันหมดเป็นจานแรก ^_^
ผมก็ลึกๆเสียใจเหมือนกันนะครับ เพราะ ตั้งใจจะทำให้สำเร็จ ศึกษามามากพอควร แต่ก็ยังไม่สำเร็จจนได้ -_o’ ฮือๆๆ
คืนนั้นจึงต้องใช้ยามารักษาความเสียใจ จากของที่ผู้ร่วมงานจัดมาคนละนิดละหน่อยตามภาพครับ
—-
คำนวณค่าใช้ไฟฟ้า
สำหรับเมนูนี้ใช้เวลาอบทั้งสิ้น 55 นาที โดยอัตรากินไฟตามป้ายคือ 1200-1400Watts และผมตั้งอัตราค่าไฟฟ้า ที่ 4.00 บาท/ยูนิต ผลที่คำนวณได้คือตามภาพ
55 นาทีเราเสียค่าไฟสำหรับเมนูนี้คือ ประมาณ 5.1333 บาทครับ
แอพที่ใช้คำนวณคือ แอพฟรี ชื่อ Evo Energy : คำนวณค่าใช้ไฟฟ้าสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า ไปดาว์นโหลดเก็บไว้ในเครื่องเลยครับ ได้ใช้ประโยชน์แน่ๆครับ
—-
สรุปว่า ผมทำหมูกรอบ ไม่สำเร็จ ครับ
ผมจะต้องไปศึกษาเพิ่มเติมอีกละว่าอะไรกันแน่ๆ แต่บางทีอาจจะมองไปที่เมนูอื่นไปดีกว่า เพราะกินแต่หมูกรอบคงไม่ไหว เดี๋ยวต้องไปทำบอลลูนกันแย่เลย
ตอนนี้ผมมองว่า เตาแต่ละยี่ห้ออาจจะมีความร้อนไม่เท่ากัน ทำให้เราต้องทดสอบทดลองเครื่องเราเองว่า นานแค่ไหนจึงจะพอดีๆ ผมไปอ่านการตั้งเวลาจากในเน็ตทั่วๆไปครับ
เลยตั้งที่ 35 กับ 15 นาทีถ้ามีโอกาสครั้งต่อไป ผมจะยอมเสี่ยงตั้งไฟให้นานขึ้นเป็นสัก 30 นาที ถึงมันจะมันไหม้ก็ยอมละครับ ไม่งั๊นดูท่าจะไม่สำเร็จอีกแน่ๆ
เพื่อการใช้เตาให้คุ้มค่า ราคาไม่ถึงเจ็ดร้อย ของผม เดี๋ยวหากมีทำเมนูอะไรกับเตาอันนี้ ผมจะมารีวิวให้ชมกันอีกครับ
ส่วนเรื่องคะแนน ผมให้เป็นการรีวิวการทำหมูกรอบของผมนะครับ (ไม่ใช่คะแนนของเครื่อง) ถ้าเป็นหมูกรอบจริงๆผมจะให้ 10 แต่ครั้งนี้ผมให้คะแนนตัวผมเองที่ประมาณ 7 ครับ
—-
เท่าที่รู้มาสมัยขึ้น เขาพะเนินทุ่ง 15-16ปีก่อน
ท่านผู้เฒ่าผู้หนึ่ง นำขึ้นไปทำสดๆ อุปกรณ์บ้านๆ
มีเคล็ดลับ อย่างเดียวเท่านั้นคือ
นำหมูไปต้มก่อนครับ ให้พอมองดูด้านนอกเหมือนจะสุก
ลองใช้ช้อนซ่อมจิ้มดูก็ได้ ถ้าจื้มผ่านสุดปลายซ่อมง่ายๆ
แสดงว่า สุกแล้ว (วิธีนี้กับ ต้มไก่ทั้งตัวก็ได้)
จิ้มลงไปพอให้หยุ่นๆหนืดๆ ก็พอ
ยกขึ้นมาพักไว้ สักครู่ ใช้ช้อนซ่อมจิ้มให้ทั่ว แล้วลงทอด
น่าจะนำไปประยุกต์ได้นะครับ
ขอให้โชคดี
ลืมบอกไปว่า
จิ้มส่วนที่เป็นหนังเท่านั้นนะครับ
ผมดูอยู่ก็ งงๆว่าทำไมจิ้มเฉพาะหนัง ทุกวันนี้ก็ยังสงสัยอยู่
แต่อร่อยสุดยอดจริงๆ ท่านผู้เฒ่านั้นทำอาชีพค้าเพชรพลอย แต่ชอบทำอาหารให้คนอื่นทาน
สมัยนั้นไปเที่ยวกันบ่อยมาก มีทริคการทำอาหารหลากหลายมาก แม้กระทั่งการต้มเนื้อ ให้ผมนั่งเป็นลูกมือ เลาะผังผืด เลาะเส้นเอ็นเล็กๆ
กว่าจะต้มได้ก็ 2-3 ชม. แต่ผลที่ได้ สุดยอดจริงๆครับ
เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ท่านผู้เฒ่าจะแล่งหนังหมู ให้ขาดลึกลงพอถึงเนื้อ (เท่ากับแล่งเฉพาะหนัง)
กว้างประมาณ หนึ่งนิ้ว หล้งจากต้มเสร็จแล้วครับ ก่อนจะทำให้กรอบ